การอ่านฉลากบนเสื้อผ้า (Care Label)

Care label บนผ้าขนหนู
Care Label บนผ้าขนหนู

เมื่อซักผ้า การอ่านฉลากบนเสื้อผ้า (Care Label) จะช่วยให้คุณเลือกวิธีการซักที่ถูกต้องและป้องกันการเสียหายของเสื้อผ้า ดังนั้นการอ่านฉลากบนเสื้อผ้าให้ถูกต้องนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากต่อผู้ที่ต้องการซักผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์การซักผ้ามาก่อน ดังนั้นเราจะมาสอนวิธีการอ่านฉลากบนเสื้อผ้าให้ถูกต้องและเข้าใจง่าย ๆ ดังนี้

  1. อ่านฉลากก่อนซักผ้า เมื่อคุณซื้อเสื้อผ้าใหม่ มักจะมีฉลากเอาไว้บนเสื้อผ้า เพื่อบอกวิธีการดูแลเสื้อผ้า ก่อนที่คุณจะเริ่มซักผ้า คุณควรอ่านฉลากก่อน และปฏิบัติตามคำแนะนำที่กำหนดไว้ในฉลากเสื้อผ้า
  2. เลือกโปรแกรมซักที่ถูกต้อง ในฉลากบนเสื้อผ้า มักจะมีคำแนะนำเกี่ยวกับโปรแกรมซักที่เหมาะสมกับเสื้อผ้านั้น ๆ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมซักผ้านุ่ม โปรแกรมซักผ้าดำ เป็นต้น คุณควรเลือกโปรแกรมซักที่เหมาะสมกับเสื้อผ้าของคุณ
  3. อ่านสัญลักษณ์การซักผ้า ในฉลากบนเสื้อผ้ายังมีสัญลักษณ์การซักผ้าที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สัญลักษณ์การซักด้วยมือ สัญลักษณ์การไม่ใช้เครื่องซักผ้า และอื่น ๆ คุณควรอ่านและเข้าใจสัญลักษณ์เหล่านี้ให้ดีก่อนที่จะเริ่มซักผ้า
  1. ประเภทผ้า ในฉลากบนเสื้อผ้ายังมีข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของผ้าที่ถูกใช้ในการผลิตเสื้อผ้า เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าโพลี เป็นต้น การรู้ว่าเสื้อผ้าของคุณทำจากวัตถุดิบชนิดใดจะช่วยให้คุณเลือกวิธีการซักที่ถูกต้อง
  2. อุณหภูมิซัก ในฉลากบนเสื้อผ้ายังมีข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิซักที่เหมาะสมสำหรับเสื้อผ้า คุณควรรู้ว่าเสื้อผ้าของคุณต้องซักในอุณหภูมิเท่าไหร่ และไม่ควรเกินอุณหภูมิที่กำหนด เพราะอาจทำให้เสื้อผ้าเสียหายได้
  3. การดูแลเสื้อผ้า ในฉลากบนเสื้อผ้ายังมีข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการดูแลเสื้อผ้าให้เหมาะสม เช่น วิธีการซัก วิธีการรีดผ้า วิธีการรีดผ้าด้วยเตารีด เป็นต้น คุณควรอ่านและปฏิบัติตามวิธีการดูแลเสื้อผ้าที่กำหนดไว้ในฉลากเสื้อผ้าดังนั้น เมื่อคุณซักผ้า คุณควรอ่านฉลากบนเสื้อผ้าก่อนเพื่อป้องกันการเสียหาย
  4. การใช้สารซักผ้า ฉลากบนเสื้อผ้ายังมีข้อมูลเกี่ยวกับสารซักผ้าที่ใช้ในการซักเสื้อผ้า เช่น ชื่อสารซักผ้า ปริมาณที่ควรใช้ เป็นต้น คุณควรอ่านและปฏิบัติตามคำแนะนำที่ระบุในฉลากบนเสื้อผ้าเพื่อป้องกันการเสียหายของเสื้อผ้าและเป็นการปกป้องสุขภาพของคุณด้วย
  5. การพับและเก็บเสื้อผ้า ฉลากบนเสื้อผ้ายังมีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการพับและเก็บเสื้อผ้าเพื่อป้องกันการเสียหายของเสื้อผ้า และรักษาความสวยงามของเสื้อผ้าให้ดูเป็นระเบียบ นอกจากนี้ การเก็บเสื้อผ้าที่ถูกต้องยังช่วยส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะการเก็บเสื้อผ้าแบบไม่ถูกต้องอาจทำให้เสื้อผ้าเสียหายเร็วขึ้น
  6. การรักษาเสื้อผ้าให้มีอายุการใช้งานยาวนาน ฉลากบนเสื้อผ้ายังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาเสื้อผ้าให้มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยมักจะแนะนำให้เลือกซักด้วยน้ำเย็นหรือน้ำร้อนที่อ่อนโยนกับเสื้อผ้า ไม่ควรใช้น้ำมันหรือเครื่องย่อยเสียงในการซัก เพราะอาจทำให้เสื้อผ้าเสียหาย นอกจากนี้ คุณยังควรเรียนรู้วิธีการปรับแต่งการซักให้เหมาะสมกับแต่ละชนิดของเสื้อผ้า เช่น การเลือกสารซักผ้า การใช้เตรียมซักผ้าก่อนซัก การใช้เครื่องซักผ้าและการแห้งเสื้อผ้าให้เหมาะสม
  7. การเลือกซักผ้าที่เหมาะสม นอกจากฉลากบนเสื้อผ้าแล้ว คุณยังสามารถเลือกซักผ้าได้อย่างเหมาะสมโดยคุณควรพิจารณาเลือกซักผ้าตามประเภทของผ้าและสี โดยมีบางประเภทของผ้าที่ต้องการการดูแลเฉพาะเหมาะสม เช่น ผ้าฝ้ายและผ้าใยสังเคราะห์มักต้องใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นอ่อนโยนกับเสื้อผ้า เพื่อป้องกันการเสียหายของเส้นใย ในขณะที่ผ้าโพลีเสียงและผ้าผสมโพลีเสียงมักต้องใช้น้ำร้อนสูงกว่าเสื้อผ้าอื่นๆ นอกจากนี้ คุณยังควรพิจารณาเลือกสารซักผ้าที่เหมาะสมกับเสื้อผ้า ในกรณีที่คุณมีเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสหรือมีลายการ์ตูน คุณควรเลือกใช้สารซักผ้าที่มีส่วนผสมของออกไซต์ ห้ามมีส่วนผสมของคลอรีน ซึ่งจะช่วยให้สีสันของเสื้อผ้าสดใส ไม่ทำตามสีผ้า
  8. การอ่านฉลากบนเสื้อผ้าเพื่อป้องกันการย่นของเสื้อผ้า บางครั้งเสื้อผ้าอาจย่นไปหลังจากซักหรืออบแห้ง ฉลากบนเสื้อผ้ายังมีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการย่อหน้าของเสื้อผ้า โดยมักแนะนำให้หยิบเสื้อผ้าด้วยความระมัดระวังหลังจากซัก และไม่ควรอบแห้งเสื้อผ้าในแดดร้อน เพราะอาจทำให้เสื้อผ้าย่นได้
  9. การใช้เครื่องซักผ้าให้ถูก
  10. เมื่อคุณได้รับความรู้เกี่ยวกับวิธีการอ่านฉลากบนเสื้อผ้าแล้ว ต่อไปคุณต้องรู้จักวิธีการใช้เครื่องซักผ้าให้ถูกต้องเพื่อป้องกันการเสียหายของเสื้อผ้า ดังนี้
    • เลือกโหมดซักที่เหมาะสมกับผ้าที่คุณจะซัก หากไม่แน่ใจว่าใช้โหมดใด คุณสามารถอ่านฉลากบนเสื้อผ้าเพื่อดูแนวทางการซักได้
    • ใส่เสื้อผ้าเข้าไปในเครื่องซักผ้าโดยใช้การแยกประเภทของผ้าและสี เพื่อป้องกันการเปรียบเทียบกันที่อาจทำให้เสื้อผ้าดำเป็นสีหรือมีรอยเปื้อน
    • ใส่ปริมาณเสื้อผ้าที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เครื่องซักผ้าทำงานได้ไม่ดีหรืออาจทำให้เสื้อผ้าย่นหรือหดได้
    • ใช้สารซักผ้าที่เหมาะสมกับประเภทของผ้าและสี และอย่าใช้มากเกินไป เพราะอาจทำให้เสื้อผ้าเสียหาย
    • คอยตรวจสอบเสื้อผ้าหลังจากซักเสร็จเพื่อตรวจสอบว่ายังเหมือนเดิมหรือไม่ หากมีปัญหาใดๆ คุณสามารถดูฉลากบนเสื้อผ้าเพื่อดูแนวทางในการดูแลเสื้อผ้าให้ถูกต้อง

ตัวอย่างภาพตัวอย่าง Care Label ที่เราพบเห็นกันได้บ่อยๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *